เปลี่ยนตาง่วงเพราะหนังตาตก ให้สดใสมีเสน่ห์ ด้วยการปรับกล้ามเนื้อตา!!
  • ผู้เขียน : ผู้ดูแล
  • วันที่สร้าง : 2020.05.07 17:40:56
  • ผู้เข้าชม : 490

เปลี่ยนตาง่วงเพราะหนังตาตก ให้สดใสมีเสน่ห์ ด้วยการปรับกล้ามเนื้อตา!!




ในโลกของการแข่งขันด้านความงาม มีคนจำนวนมากตัดสินใจทำศัลยกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำศัลยกรรมตาและจมูก เนื่องจากต้องการมีภาพลักษณ์ที่ดูสะดุดตา ดังนั้นจึงมีผู้คนมากมายนิยมทำศัลยกรรมตาสองชั้น เพื่อที่จะได้ตาที่ดูกลมโต มีเสน่ห์

และด้วยสาเหตุดังกล่าว การทำศัลยกรรมตาสองชั้นและการศัลยกรรมหนังตาจึงกลายเป็นที่นิยม ในกรณีที่ตามีขนาดเล็กนั้นอาจเกิดได้จากสองสาเหตุ อย่างแรกคือตาเล็กแต่กำเนิด และอย่างที่สองคือตาเล็ก เนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณหนังตาอ่อนแรงลง ทำให้ตาดูง่วง

 

ตาเล็ก เนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณหนังตาอ่อนแรงลงนั้น ไม่เพียงแต่ทำให้ตาดูง่วง แต่ยังส่งผลให้เกิดริ้วรอยบริเวณรอบดวงตาด้วย ซึ่งหากปล่อยไว้เป็นเวลานานก็อาจส่งผลต่อสายตาได้ ดังนั้นจึงควรรีบรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ในอดีตนั้น การทำศัลกรรมปรับหนังตา จะมีการกรีดหนังตาแล้วตัดหนังตาส่วนเกินออก ซึ่งจะทำให้เกิดชั้นตาขึ้น แต่เนื่องจากการกรีดตาทำให้เกิดแผลเป็นขนาดยาว และดูไม่เป็นธรรมชาติ ดังนั้นผู้คนจึงไม่นิยมทำตาสองชั้นด้วยวิธีนี้ แต่ในปัจจุบัน ได้มีเทคนิคการปรับกล้ามเนื้อตาเกิดขึ้น โดยเป็นการปรับกล้ามเนื้อตาจากด้านในหนังตา ทำให้ไม่เห็นรอยแผลเป็น และดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงอาการบวมที่น้อยลงด้วย และมีค่าใช้จ่ายที่พอเหมาะ ซึ่งนิยมทำกันในหมู่นักเรียน

เนื่องจากไม่มีการกรีดภายนอกหนังตา จึงเหมาะกับผู้ที่มีตาสองชั้นอยู่บ้างแล้ว หรือผู้ที่ต้องการแก้ไขรอยแผลเป็นจากการกรีดตาด้วย

 

หากต้องการได้ชั้นตาที่เห็นได้ชัดเจน วิธีการทำตาสองชั้นแบบเย็บยิ้มจุดนั้นจะเห็นผลดีที่สุด การทำตาสองชั้นแบบเย็บจิ้มจุดนั้น ในกลุ่มของคนที่มีตาสองชั้นโดยกำเนิด หรือคนที่ต้องการมีตาสองชั้น จะเป็นการทำให้ ทรงของชั้นตานั้นเข้ารูป ดูเป็นธรรมชาติ และฟื้นตัวได้เร็ว โดยขึ้นอยู่กับการขยับตา และมีอาการบวมไม่มาก

 

การทำให้ตนเองดูดีขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ต้องได้รับคำปรึกษาที่เพียงพอจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการศัลยกรรมจริงๆ นพ. ซอ อิลบอม (รพ.ศัลยกรรมมาร์เบิ้ล ย่านกังนัม) กล่าวว่า “ในการเลือกรพ.นั้น ไม่ควรเลือกรพ.โดยคำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่ถูกเพียงอย่างเดียว แต่ควรคำนึงถึงแพทย์ที่มีประสบการณ์มากพอ และระบบการรักษาที่ได้มาตรฐาน”